The
Power of Imagination
Imagination rules the world -- Albert Einstein
จินตนาการครองโลก
Imagination is more powerful than knowledge. – Albert Einstein
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
จะไม่มีใครที่เข้าใจถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของการจินตนาการ เท่ากับคนที่ใช้มันมาแล้ว มันเป็นพลังแห่งการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ที่ยังไม่เคยเกิดมาก่อน และมักจะเกิดจากการไม่พอใจในสภาวะเดิม ๆ ที่ไม่ดี
มันเป็นความลับชิ้นหนึ่ง ในการสร้างสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ โดยการออกแรงน้อยกว่า
ความลับชิ้นนี้ ไอน์สไตน์เข้าใจและพยายามบอกเรา
ผมก็ได้เข้าใจจากเรียนรู้ที่จะใช้มัน ในระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา
ในฐานะคนที่ใช้พลังแห่งการจินตนาการสร้างหลายสิ่งให้เป็นความจริงในชีวิต ผมรับประกันได้ว่า...
คนที่มีความสามารถหรือต้นทุนชีวิตน้อย แต่มีจินตนาการ
ดีกว่า
คนที่มีความสามารถหรือต้นทุนชีวิตมาก แต่ไม่มีจินตนาการ
ผมเป็นคนประเภทแรก และอยากจะใช้สื่อการ์ตูนสอนเด็กไทยรุ่นใหม่ให้เห็นอำนาจอันยิ่งใหญ่ของการใช้จินตนาการ
ให้พวกเขาเข้าใจว่า..
ตราบใดที่จินตนาการของเขาชัดเจน และ "ใช่"ต้วตนของเขา ความสามารถในการทำให้จินตนาการนั้นเป็นความจริง พัฒนากันได้
ผมรู้อย่างแน่นอนว่า...อะไรก็ตามที่ผมทำสำเร็จ ที่ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพรสวรรค์ทางดนตรี เพราะคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าผมก็มีอยู่มากมายในโลกนี้
ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้นทุนทางครอบครัว เพราะนักดนตรีคลาสสิกที่ร่ำรวยกว่า ฉลาดกว่าผม ก็มีอยู่มากมายในโลกนี้
แต่เกิดขึ้นจากสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
นั่นคือ...
พลังแห่งการจินตนาการ
ตัวอย่างเช่น....
- ตอนเป็นวัยรุ่น เราชินตากับการที่ฝรั่งมาคอนดักท์คนไทย เป็นหัวหน้าคนไทย
...เป็นภาพที่ผมไม่ค่อยพอใจ
ในหัวผมเริ่มจินตนาการเห็นภาพที่ไม่เคยมีนักดนตรีคนไหนคิดมาก่อน คือ ผมคนไทยคอนดักท์ฝรั่งทั้งวง (ซึ่งผมทำมาเกือบ 20 ปีและเกือบ 400 คอนเสิร์ตแล้ว)
- ผมเคยตัวสั่นเมื่อต้องไปยืนต่อหน้าเพื่อนหน้าชั้น
...เป็นภาพที่ผมไม่ค่อยพอใจ
ผมจึงจินตนาการว่า วันหนึ่งผมจะยืนต่อหน้าฝรั่งทั้งวง และบอกเขาว่า ต้องเล่นดนตรีอย่างไร (จึงทำให้ต้องพยายามพัฒนาความสามารถในการพูดในสาธารณชน และการพูดภาษาอังกฤษ)
- ตอนเป็นเด็ก ผมดูทีวี หรือสื่อต่างประเทศ ไม่ค่อยมีคนไทยได้รับการยกย่อง ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวไม่ดี
ผมจินตนาการในหัวว่า ผมจะได้ลงปกหนังสือพิมพ์สำคัญ ๆ ต่าง ๆ ของโลก ในเรื่องที่ดี และเรื่องที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศ
- ตอนเป็นวัยรุ่น ผมเดินผ่านแผงหนังสือต่าง ๆ ก็จะเห็นว่า คนได้ลงปกนิตยสาร มักจะเป็นคนรวย ดารานักร้อง หรือคนที่มีชาติตระกูล เป็นเจ้าของกิจการตั้งแต่ยังหนุ่ม นักดนตรีคลาสสิกไทยก็รู้จักกันอยู่ในวงแคบมาก
ผมไม่พอใจ คิดว่ามันไม่แฟร์ ...
...ผมจินตนาการว่า ตนเองจะลงปกนิตยสารต่าง ๆ จากการเป็น "ตัวตน" ของตนเอง คือคอนดักเตอร์ (เป็นเรื่องที่ ทุกคนคิดว่า "เป็นไปไม่ได้" ในตอนนั้น แต่ตราบใดที่ในหัวของเรา เราจินตนาการได้ "มันก็เป็นไปได้" )
- นักดนตรีคลาสสิก ไม่ว่าที่ไหนในโลก ไม่ว่าจะดังแค่ไหน ไม่ค่อยมีใครรู้จักในระดับ star
ผมจินตนาการว่า ผมจะมีแฟน ๆ รุมล้อมในแต่ละครั้งที่ปรากฎตัวในสาธารณชนแต่ละครั้ง (ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่ว่าที่ไหนในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองไทย แต่ก็เป็นไปแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า สำหรับนักดนตรีคลาสสิกคนนี้)
- ยิ่งไปกว่านั้น คอนดักเตอร์ ไม่ว่าจะในประเทศไหน จะไม่ค่อยมีแฟน ๆ สนใจหวือหวา เท่าคนที่เล่นดนตรีเดี่ยว (เช่น star pianist, star violinist) เพราะภาพเป็นคนแก่คุมวง หรือเป็นอาจารย์
พูดง่าย ๆ คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจคอนดักเตอร์ ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาทำ เท่ากับนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรี หรือนักร้อง
ผมจินตนาการว่า จะเป็นคอนดักเตอร์คนแรก ๆ ที่มีฐานแฟนแน่นหนา มีอะไรน่าตื่นเต้น เดินไปไหนมีคนรุมล้อมขอลายเซ็น อยู่ในระดับ celebrity ไม่ใช่อาจารย์ประจำ
- ตอนเรียนที่อเมริกา ผมสังเกตเห็นว่า คนที่ควงสาวฝรั่งสวย ๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายฝรั่ง รูปร่างสูงใหญ่ ร่ำรวย เรียนเก่ง หรือไม่ก็เห็นชายฝรั่งควงสาวไทย
...ผมจินตนาการเห็นภาพตนเอง ได้สาวฝรั่งสวย ๆ มาเป็นคู่ครอง (เป็นความชอบส่วนตัว...จริง ๆ แล้วสาวไทยสวย ๆ ก็มีมากมาย ไม่น้อยหน้าชาติใดเลย)
- คนไทยติดภาพว่า นักดนตรีหรือ ศิลปินไทย ไส้แห้ง ดูโทรม ๆ
...ผมจินตนาการ เห็นภาพว่า เป็นนักดนตรีที่มีฐานะ มีกินมีใช้สบาย ๆ มีคนเชิญไปแสดงทั่วโลก พักโรงแรมห้าดาว บินชั้นหนึ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อ อย่าง VIP เป็นคนที่คนสังคมไทยนับถือยกย่อง
ทุกสิ่งที่ผมกล่าวมานี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผมเก่งกว่าคนอื่น หรือมีความสามารถมากกว่าเป็นทุนเดิม
ความสามารถทุกอย่างพัฒนาตามมา เมื่อจินตนาการชัดเจน ว่าอยากให้อะไรเกิดขึ้น
แม้สิ่งนั้น ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกนี้เลยก็ตาม
นี่แหละครับ
พลังแห่งจินตนาการ